จัดการโรคใบจุดตาเสือในเผือก อย่างง่าย ๆ
โรคใบจุดตาเสือในเผือก
(Spotted leaf of taro) เป็นโรคที่พบได้ในพืชเผือก
(Colocasia esculenta) ซึ่งเป็นพืชที่นิยมปลูกเพื่อบริโภคในหลายๆ
ประเทศ โดยโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง และอากาศร้อนชื้น
โรคนี้มักจะกระทำรุนแรงต่อเหยื่อที่มีอายุน้อยและส่งผลกระทบต่อผลผลิตของเผือกในที่สุด
อาการของโรคใบจุดตาเสือในเผือก:
- ใบมีลักษณะมีจุดสีน้ำตาลอมเหลืองเป็นวงกลมเล็กๆ
มักอยู่ตรงกลางใบ
- จุดจะขยายเติมในขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้น
และมักมีสีน้ำตาลเข้มหรือดำกลายเป็นสีแดง
- ใบที่ติดเชื้อจะเหี่ยวและตกร่อนลง
การป้องกันและควบคุมโรคใบจุดตาเสือในเผือก:
- เลือกใช้พันธุ์เผือกที่มีความต้านทานต่อโรคนี้
- ไม่ควรปลูกเผือกในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงและอากาศร้อนชื้นมาก
- ควรให้ความสำคัญในการทำความสะอาดและการบำรุงรักษาสวนเผือก
- หากพบอาการของโรค
ควรถอนต้นที่เป็นโรคออกจากสวนและทำลายอย่างเหมาะสม
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังต้นอื่นๆ
กรณีที่เกิดโรคใบจุดตาเสือในเผือกอย่างรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีการธรรมชาติ ควรนักวิชาการด้านพืชเพื่อขอคำแนะนำในการใช้สารเคมีควบคุมโรคให้เหมาะสมและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค
เรื่องของโรคใบจุดตาเสือในเผือกนั้นเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญในการเกษตรเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคที่อาจกระทำให้เกิดความเสียหายให้กับพืชเผือกได้
โรคใบจุดตาเสือในเผือก (Spotted leaf of taro) คือโรคที่เกิดจากเชื้อรา Cercospora carotae ซึ่งทำให้ใบเผือกเกิดจุดดำๆ เล็กๆ ซึ่งทำให้ใบเหลืองและเนื่องจากการระบาดของโรคในระยะหนึ่งอาจทำให้ใบเหี่ยวและหมดสี ทำให้ผลผลิตเผือกลดลงได้ การเข้าใจและปฏิบัติตามขั้นตอนในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคนี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความสมบูรณ์และความเป็นอยู่ของพืชเผือกในพื้นที่ปลูกของเกษตรกร
ขั้นตอนที่ควรทำเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคใบจุดตาเสือในเผือก:
1. ตรวจสอบอาการโรค: ตรวจสอบใบเผือกเป็นประจำเพื่อตระหนักถึงอาการของโรคใบจุดตาเสือ หาก
พบอาการที่น่าเชื่อถือว่าเป็นโรค ควรทำการรายงานและดำเนินการต่อไป
2. กำจัดใบที่เป็นโรค:
หากพบใบที่มีอาการเป็นโรค
ควรทำการตัดออกและทำลายให้หมดเพื่อไม่ให้เชื้อราแพร่กระจายไปยังใบอื่นๆ
และลดโอกาสการระบาดของโรค
3. หมั่นดูแลสภาพแวดล้อม:
ควรให้ความสำคัญในการดูแลสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการปลูกเผือก เช่น
ระบบระบายน้ำให้ดี การพ่นน้ำให้เหมาะสม ไม่ควรให้พืชเผือกโดนน้ำเกินไป
ซึ่งอาจเป็นส่วนในการกระจายเชื้อรา
4. การใช้ปุ๋ย:
ให้การใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมและไม่ให้เกินข้อกำหนด
ทำให้พืชเผือกมีความแข็งแรงและความต้านทานต่อโรคได้ดี
5. การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช:
หากการระบาดของโรคมีอยู่ในระดับที่สูง
ควรพิจารณาใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสมในการควบคุมโรคนี้
ติดตามคำแนะนำในการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6. หากเป็นไปได้ควรเลือกปลูกพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรค:
การเลือกปลูกพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคนี้อาจช่วยลดความเสียหายจากการระบาดของโรคใบจุดตาเสือในเผือก
การทำตาม 6 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้การระบาดของโรคใบจุดตาเสือในเผือกลดลงและเกษตรกรสามารถควบคุมสถานการณ์ให้แสดงความเป็นไปได้ที่ดีกับการ
สัญลักษณ์หรืออาการที่พบในพืชเผือกที่เป็นโรคตาเสือได้แก่
ตาจุดสีขาวบนใบ โดยที่เส้นใยของเชื้อราจะปรากฎขึ้นเป็นสีดำกลมเล็กๆ
อยู่ใกล้กับจุดสีขาว ตามมาในช่วงท้ายของสัญญาณอาการ จะพบเส้นใยเกลี้ยงขนาดใหญ่กว่า
ซึ่งสามารถดูเหมือนเป็นเส้นใยของราสีขาว
การควบคุมโรคตาเสือในพืชเผือกสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้:
1. การเลือกพันธุ์ที่ดี: ควรเลือกปลูกพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคตาเสือ
2.การทำความสะอาดแปลงปลูก:
ควรกำจัดใบที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูกเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อรา
3.การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช:
สามารถใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อราที่มีกลไกการออกฤทธิ์ต่อเชื้อรา Pseudocercospora
abelmoschi
4.การปรับแต่งการให้น้ำ:
ควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำในพื้นที่รอบๆ ใบ เพื่อลดความชื้นในพื้นที่
และป้องกันการเกิดการระบาดของโรค
5.การหมักดินด้วยสารชีวภาพ:
สามารถใช้สารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมเชื้อรา อาทิเช่น ไตรโคเดอร์มา
หรือบาซิลลัสซับติลิส
ควรดูแลและควบคุมโรคตาเสือในพืชเผือกอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับการเพาะปลูกและผลผลิตของเผือก
ไบรอัน เป็นสารกำจัดเชื้อราที่มีสูตรธรรมชาตินั้นคือสารที่ผลิตจากวัตถุธรรมชาติที่มีอยู่ในธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมีที่ผลิตขึ้นในโรงงาน สารกำจัดเชื้อราที่เป็นธรรมชาตินี้เป็นที่นิยมในการใช้เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของเชื้อราในพืช





ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น