พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารได้เอง

 

ในระบบนิเวศ สิ่งมีชีวิตสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ สิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเอง (producer) และสิ่งมีชีวิตกินอาหาร (consumer) สิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองสามารถสังเคราะห์สารอินทรีย์จาก

สารอนินทรีย์โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์หรือสารเคมี เรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis)

ส่วนสิ่งมีชีวิตกินอาหารไม่สามารถสังเคราะห์อาหารเองได้ จำเป็นต้องกินอาหารจากสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารอื่น ๆ เป็นแหล่งพลังงาน

พืชเป็นสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองที่พบได้มากที่สุดในโลก พืชสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้โดยใช้สารอินทรีย์จากสารอนินทรีย์ ได้แก่ น้ำ (H2O) และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชสามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้

6H2O + 6CO2 → C6H12O6 + 6O2

จากสมการจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงคือ น้ำตาลกลูโคส (C6H12O6) และแก๊สออกซิเจน (O2) น้ำตาลกลูโคสเป็นสารอินทรีย์ที่พืชสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานและวัตถุดิบในการสร้างสารประกอบอินทรีย์อื่น ๆ ได้ ส่วนแก๊สออกซิเจนถูกปล่อยสู่บรรยากาศ


นอกจากพืชแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองอีกกลุ่มหนึ่ง คือ แบคทีเรียบางชนิด แบคทีเรียเหล่านี้สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้โดยใช้สารอนินทรีย์เป็นแหล่งพลังงาน แบคทีเรียที่สังเคราะห์ด้วยแสงสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก ๆ คือ

  • โฟโตออโตทรอพ (photoautotroph) แบคทีเรียกลุ่มนี้ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการสังเคราะห์ด้วยแสง
  • คีโมออโตทรอพ (chemoautotroph) แบคทีเรียกลุ่มนี้ใช้พลังงานจากการออกซิเดชันของสารอนินทรีย์ในการสังเคราะห์ด้วยแสง

พืชเป็นสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ พืชเป็นผู้ผลิตในห่วงโซ่อาหาร เป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตกินอาหารอื่น ๆ พืชยังช่วยในการหมุนเวียนของแก๊สในบรรยากาศ โดยปล่อยแก๊สออกซิเจนสู่บรรยากาศ ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นำไปใช้ในการหายใจ

ความสำคัญของพืชในฐานะสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเอง

พืชเป็นสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศและต่อมนุษย์ พืชเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตกินอาหารอื่น ๆ พืชยังช่วยในการหมุนเวียนของแก๊สในบรรยากาศ โดยปล่อยแก๊สออกซิเจนสู่บรรยากาศ ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นำไปใช้ในการหายใจ

ประโยชน์ของพืชในฐานะสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเอง มีดังนี้

  • เป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตกินอาหารอื่น ๆ พืชเป็นแหล่งอาหารหลักของสิ่งมีชีวิตกินพืช เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก สัตว์เลื้อยคลาน ปลา และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิด
  • ช่วยในการหมุนเวียนของแก๊สในบรรยากาศ พืชช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งจะปล่อยแก๊สออกซิเจนสู่บรรยากาศ แก๊สออกซิเจนเป็นสารจำเป็นต่อการหายใจของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
  • เป็นแหล่งพลังงาน พืชบางชนิด เช่น ข้าวโพด อ้อย ข้าวสาลี และถั่วเหลือง สามารถนำมาแปรรูปเป็นพลังงานได้ เช่น ผลิตเป็นน้ำมันพืช เชื้อเพลิงชีวภาพ และไบโอแก๊ส
  • เป็นแหล่งวัตถุดิบ พืชบางชนิด เช่น ไม้ ปอ ป่าน และฝ้าย สามารถนำมาใช้ประโยชน์เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง

พืชเป็นสิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศและต่อมนุษย์ พืชเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตกินอาหารอื่น ๆ ช่วยในการหมุนเวียนของแก๊สในบรรยากาศ และเป็นแหล่งพลังงานและวัตถุดิบที่สำคัญ

รู้ไหม่....พืชไม่ได้ต้องการแค่ n-p-k

พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องใช้ธาตุอาหารเพื่อการเจริญเติบโตและดำรงชีวิต ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ธาตุอาหารหลัก (macronutrients) และธาตุอาหารรอง (micronutrients)

ธาตุอาหารหลักที่พืชต้องการ ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ธาตุอาหารเหล่านี้เป็นองค์ประกอบหลักของโครงสร้างและการทำงานของพืช เช่น โปรตีน กรดนิวคลีอิก เยื่อหุ้มเซลล์ ผนังเซลล์ และเมแทบอลิซึมต่างๆ

ไนโตรเจนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยเป็นส่วนประกอบของโปรตีน กรดนิวคลีอิก และคลอโรฟิลล์ พืชที่ขาดไนโตรเจนจะมีใบสีซีดจางและแคระแกร็น

ฟอสฟอรัสมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของราก ลำต้น และเมล็ด พืชที่ขาดฟอสฟอรัสจะมีรากแคระแกร็นและเจริญเติบโตช้า

โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการขนส่งสารอาหารภายในพืช พืชที่ขาดโพแทสเซียมจะมีใบไหม้ขอบและเหี่ยวเฉา

นอกจากธาตุอาหารหลักแล้ว พืชยังต้องการธาตุอาหารรองอีกหลายชนิด ได้แก่ แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) กำมะถัน (S) เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) ทองแดง (Cu) สังกะสี (Zn) โบรอน (B) โมลิบดีนัม (Mo) และคลอรีน (Cl) ธาตุอาหารรองเหล่านี้มีความสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์และกระบวนการเมแทบอลิซึมต่างๆ ในพืช

พืชที่ขาดธาตุอาหารรองอาจแสดงอาการผิดปกติ เช่น ใบสีซีดจาง ใบจุดด่าง ใบไหม้ ลำต้นแคระแกร็น ดอกไม่บาน หรือผลผลิตลดลง

โดยทั่วไป ธาตุอาหารหลักและรองจะถูกเติมลงในดินผ่านการใส่ปุ๋ย ปุ๋ยมีหลายประเภท แต่ละประเภทจะประกอบด้วยธาตุอาหารที่แตกต่างกันไป เกษตรกรควรเลือกปุ๋ยให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชและสภาพดิน

ปัจจุบัน มีงานวิจัยมากมายที่ศึกษาเกี่ยวกับความต้องการธาตุอาหารของพืช งานวิจัยเหล่านี้พบว่า พืชต้องการธาตุอาหารมากกว่าแค่ n-p-k ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมอื่นๆ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชเช่นกัน

งานวิจัยหนึ่งพบว่า พืชข้าวโพดที่ขาดธาตุโบรอนจะมีผลผลิตลดลงถึง 20%

งานวิจัยอีกงานพบว่า พืชถั่วเหลืองที่ขาดธาตุแมงกานีสจะมีผลผลิตลดลงถึง 15%

ดังนั้น เกษตรกรจึงควรใส่ใจเกี่ยวกับความต้องการธาตุอาหารของพืช เพื่อช่วยให้พืชเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี

กลับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รอล่า โปรตีนเปปไทด์สำหรับเร่งการเติบโตของพืช เหมาะกับเกษตรกรทุกระดับ

พืชสังเคราะห์แสงได้ดีขึ้น...แล้วดีอย่างไร

ปัจจัยการผลิตของเกษตรกรยุคใหม่ สะดวก ปลอดภัยได้ผล ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต